“มันฝรั่ง” พืชตระกูลหัวใต้ดิน ที่กินแล้วมีประโยชน์สูง มีทั้งวิตตามิน แร่ธาตุ ไฟเบอร์ โปรตีน และความอร่อยสูงงงง แต่ต้องปรุงสุกก่อนรับประทาน
ซึ่งมันฝรั่งแต่ละพันธุ์ ก็มีสีสัน รสชาติ ขนาด และความอร่อยที่แตกต่างกันด้วยนะ ว่ากันว่า… มันฝรั่งที่อร่อยที่สุด จะต้องเป็นพันธุ์ที่มีแป้งเป็นองค์ประกอบประมาณ 13-18% และมีโปรตีนมากกว่าที่นำไปใช้ในการทำอาหารสัตว์ 2-3%

โดยพันธุ์ที่นิยมนำมารับประทานกันมากก็คือ...
พันธุ์ออโรร่า - หัวคล้ายไข่ เปลือกมีสีออกแดง เนื้อสีครีม มีแป้งอยู่ที่ 13.5–17.3%
พันธุ์เบลลาโรซา - หัวคล้ายไข่เช่นกัน เปลือกมีสีแดง เนื้อสีเหลืองอ่อน ปริมาณแป้ง 12.6-15.7%
พันธุ์เวกเตอร์ - หัวกลมมีเปลือกสีแดง แต่เนื้อเหลือง ปริมาณแป้งตั้งแต่ 16.7 ถึง 17.5%
พันธุ์กาล่า - หัวทรงยาว เปลือกและเนื้อมีสีเหลือง ปริมาณแป้ง 10.2-13.2%
พันธุ์สีน้ำเงิน - หัวทรงโค้งมน เปลือกมีสีเบจ ส่วนเนื้อด้านในสีครีม มีแป้งตั้งแต่ 17 ถึง 19%
พันธุ์ซูร่าวินก้า - หัวรูปไข่ เปลือกสีแดง เนื้อสีเหลืองอ่อน มีแป้งตั้งแต่ 14.6 ถึง 19.6%
พันธุ์ละมั่งอาฟริกา - หัวรูปไข่ เปลือกและเนื้อมีสีเหลือง มีแป้ง 10.5-14.6%
พันธุ์คาเมนสกาย - หัวทรงยาว เปลือกสีแดง เนื้อสีเหลืองอ่อน มีแป้ง 12.2-16.8%
พันธุ์มนุษย์ขนมปังขิง - หัวกลม เปลือกและเนื้อสีเหลือง แป้ง 11.4-13%
พันธุ์ควีนแอนน์ - หัวทรงยาว เปลือกและเนื้อสีเหลือง แป้ง 13.1-14.4%
พันธุ์ลาเบลลา - หัวทรงยาว เปลือกสีแดง เนื้อเหลือง มีแป้ง 15.8%
พันธุ์ลิวบาวา - หัวกลม เปลือกแดง เนื้อสีขาว แป้ง 11.2-16.9%
พันธุ์รอดริก้า - หัวทรงไข่ เปลือกแดง เนื้อสีเหลือง แป้ง 12.5-15.4%
แต่… “การต้ม” มันฝรั่งนั้น ก็มีเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ด้วยเช่นกัน นั่นก็คือ.. หากมันมีขนาดเล็กจะใช้เวลาในการต้มประมาณ 12-15 นาที, ขนาดกลาง ประมาณ 15-20 นาที และขนาดใหญ่ 25-30 นาที
ซึ่งวิธีการสังเกตว่ามันฝรั่งสุกได้ที่แล้วหรือไม่นั้น ก็ให้ใช้ส้อม มีดปลายแหลม หรือไม้แหลม แทงลงไปที่มันฝรั่งลูกใหญ่ที่สุดในหม้อ หากทะลุลงไปง่าย ไม่ต้องออกแรงเลย ก็แปลว่าสุกได้ที่แล้วนั่นเอง
ส่วนใครที่ต้องการจะเอามันฝรั่งไปทำอาหารต่อแบบปอกเปลือก แนะนำให้เอามีกรีดรอบหัวมันก่อนต้มเลยนะ จะได้ไม่ต้องปอกเปลือกซ้ำตอนต้มเสร็จแล้ว เพราะการทำแบบนี้ จะทำให้เปลือกมันแกะออกง่ายกว่า และไม่เสียเวลาเลย
#FoodieTaste
#FoodieTasteThailand