คาเวียร์ จะเรียกให้ถูกต้องเรียกว่า คาเวียร์ อย่าเผลดไปเรียกไข่ปลาคาร์เวียร์เข้าหละ เพระาจริงๆแล้ว ได้มาจาก ไข่ของปลาสเตอร์เจียนอันเป็นผลผลิตที่หายากจากทะเลดำนั้น จัดเป็นอาหารคู่ปากชนชั้นสูงในยุโรป เพื่อทั้งแสดงฐานะและรสนิยมจนกลายเป็นของดีของวิเศษที่ต้องมีไว้รับรองเพื่อนฝูงในโอกาสพิเศษ และสามารถสร้างความประทับใจให้ผู้ที่ลิ้มรส
ด้วยพิธีรีตรองในการกินประกอบกับเครื่องเคียงต่างๆ เครื่องดื่มที่ช่วยเชิดชูรสชาติ ทำให้การกินคาร์เวียร์กลายเป็นศิลปะในการกินชนิดหนึ่ง ที่มีความละเอียดลออพิถีพิถันในการคัดเลือกและเสาะหาทีเดียว
ถึงแม้คาเวียร์ที่ดีที่สุดมักมาจากรัสเซียและอิหร่าน แต่ก็เป็นที่ทราบกันดีว่า ผู้บริโภคคาเวียร์หมายเลขหนึ่งกลับกลายเป็นชาวฝรั่งเศส แต่เดิมคาเวียร์มีการกินง่ายๆคู่กับเหล้าพื้นเมืองที่มีรสชาติฉุนและบาดคออย่างว็อดก้าเหล้าพื้นเมืองของรัสเซีย
พอมาถึงฝรั่งเศส ชาวปารีเซียงก็พลิกแพลงนำมากินคู่กับไวน์หรือฌ็อมปาญ เพราะเชื่อว่าเครื่องดื่มของตนมีรสชาติลมุนลไมกว่าและสามารถดื่มได้ทั้งชายและหญิง น่ารื่นรมย์กว่าว็อดก้าเป็นไหนๆ และการกินคาเวียร์ของชาวฝรั่งเศสนั้นก็มีการจัดเครื่องเคียงต่างๆในภาชนะหรูหราหายาก จนสร้างความประทับใจและลัทธิเอาอย่างได้อย่างแพร่หลายไปทั่วยุโรปในศตวรรษที่18เป็นต้นมา
จนมีการคัดขนาดรูปทรง สีสันและรสชาติของคาเวียร์เป็นชั้นต่างๆ (ไข่ปลาคาร์เวียร์แบ่งเกรดได้ 3 เกรด เกรด O คือไข่ปลาคาร์เวียร์สีดำ เกรด OO ไข่ปลาคาร์เวียร์สีปานกลาง และ เกรด OOO ไข่ปลาคาร์เวียร์สีเหลืองสุกสว่างซึ่งเป็นเกรดที่ดีที่สุด ) และแน่นอนราคาจำหน่ายก็ต้องเป็นไปตามมาตรฐานของการคัดเลือก และปัจจุบันในท้องตลาดก็มีการแบ่งเกรดและราคาของคาเวียร์เป็น 4 ชนิด
BELUCA เป็นคาเวียร์ชั้นสุดยอดที่มีจำนวนน้อยที่สุด ในแต่ละปีจะถูกจองล่วงหน้าจากพ่อค้าคนกลางจากร้านค้าหรูในปารีสจนหมดสิ้นเพราะแต่ละปีจะมีจำนวนเพียงสิบกว่ากิโลกรัมเท่านั้นที่ออกสู่ท้องตลาด เป็นคาเวียร์หน่วยใหญ่พิเศษสีเทาจางๆส่งประกายสีทองยามต้องแสงไฟเป็นมันวาว
ยามเมื่อส่งเข้าปากแล้วขบเบาๆด้วยฟัน ก็จะรู้ซึ้งถึงความสดกรอบของไข่แต่ละหน่วย ที่ส่งกลิ่นหอมฟุ้งกระจายทันทีในปาก รสชาติที่มันนุ่มนวลและมีรสเค็มนิดๆเพียงปลายลิ้นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของคาเวียร์ชื่อนี้ และน้อยคนที่จะได้ลิ้มรสหากไม่จองไว้ล่วงหน้าจากผู้จำหน่าย หรือต้องเป็นแขกพิเศษของประธานาธิบดีหรืออัครมหาเศรษฐีของโลกเท่านั้น ราคาจองกิโลกรัมละ 4,000 ยูโรหรือ 200,000 บาท มีขนาดบรรจุตั้งแต่ 250 กรัมขึ้นไป
IMPERIAL OSSETRA เป็นคาเวียร์ขนาดย่อมลงมา มีสีเทาอมทอง แต่ละหน่วยมีความมันเงาไม่เกาะติดกันเหมือนผ้าซาติน มีคุณสมบัติพิเศษในเรื่องของกลิ่นหอมคล้ายๆลูกนัทยามส่งผ่านปลายลิ้น รสชาติมันเข้มข้นไม่เค็มจัด ราคาวางขายที่กิโลกรัมละ 2,500 ยูโรหรือ 125,000 บาท ขนาดบรรจุเช่นเดียวกันไป
ROYAL OSSETRA เป็นคาเวียร์สีอำพันทองส่งประกายสีน้ำผึ้งแกมทอง แต่ละหน่วยมีความหนึก กรอบ แม้หน่วยจะย่อมกว่า มีกลิ่นหอมคล้ายกลิ่นของไม้ป่า แม้หน่วยจะเล็กแต่ให้รสที่หอมมันนุ่มนวลและเข้มข้น ส่งประกายและสีสันเตะตากว่า ราคาก็ไม่สุงมากสามรถหาซื้อได้แทบทุกร้านหรูในเมืองใหญ่ของยุโรป ราคากิโลกรัมละ 2,000 ยูโร หรือ 100,000 บาทมีขนาดบรรจุตั้งแต่125 กรัมเป็นต้นไป
SEVRUGA เป็นคาเวียร์ที่มีขนาดของหน่วยย่อมสุด สีเทาเงิน ใช้เสิร์ฟตามภัตตาคารโก้ๆและที่นั่งชั้นหนึ่งของสายการบินบางบริษัท รสชาติดีเยี่ยม หอมนุ่มนวลมีรสมันเนียนไม่เค็มสดุดลิ้น มีขนาดหน่วยย่อมที่สุด หาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าหรูที่แผนกอาหาร ราคากิโลกรัมละ 1,960 ยูโร หรือ 97,000 บาท มีขนาดบรรจุตั้งแต่125 กรัมเป็นต้นไป
การเสิร์ฟเครื่องดื่มกับคาร์เวียร์นั้นหากไม่ใช้ว็อดก้าแช่เย็นเฉียบในถ้วยแก้วคริสตัลใบน้อย ก็ลองเสิร์ฟกับไวน์สีชมพูของ Clarke หรือไวน์ขาว Blanc De Blanc ของ Lanson หรือ ฌ็อมปาญ ของTaittinger ก็จะเข้ากับรสชาติสุดวิเศษของคาเวียร์ได้ดีมากเช่นกัน
วิธีการเสิร์ฟคาเวียร์
- ควรเสิร์ฟคาเวียร์ในชามแก้วแช่กลางอ่างน้ำแข็งฝอยเพื่อรักษาความสด
- ช้อนควรเป็นช้อนเล็กๆที่ทำจากทองคำ เปลือกมุกหรือกระเบื้องเท่านั้น อย่าใช้ช้อนโลหะใดๆไม่ว่าเงินหรือสเตนเลสเพราะจะทำให้รสชาติเปลี่ยนไป
- เครื่องเคียงควรมีเพียงแผ่นขนมปังปิ้งกรอบบางๆ หรือหากอยากลองเครื่องเคียงอื่นๆก็มีเพียงมันฝรั่งสุกอุ่นก้อนเล็กๆหรือไข่นกกระทาต้มสุกอุ่นเท่านั้น อย่าได้เสิร์ฟกับมะนาวเสี้ยว หัวหอมสับหือไข่แดงต้มสุกสับและครีมเปรี้ยวเป็นเด็ดขาด นอกเสียจากว่าคาเวียร์ที่เสิร์ฟจะเป็นคาเวียร์ระดับรองๆที่ไม่มีความหอมหรือมีรสเค็มเกินไป
Comment (2)
ปิยะธิดา
lairodchaaim
ยังไม่รู้วิธีทำ
แจ้งลบ