อาหารที่ควร หรือไม่ควรทานสำหรับคนเป็นโรคเก๊าต์ เราสามารถแบ่งออกได้เป็น 3กลุ่ม ตามปริมาณของสารพิวรีนในอาหาร
1. อาหารที่มีสารพิวรีนมาก
อาหารที่มีสารพิวรีนมากจะมีผลต่อการอักเสบของโรคเกาต์ และมีผลอย่างมากต่อการเกิดโรคเกาต์ สำหรับอาหารที่มีสารพิวรีนมากที่ผู้ป่วยโรคเกาต์ควรงดเว้นและหลีกเลี่ยง ได้แก่ ตับ, น้ำต้มเนื้อ, น้ำเกาเหลา, ไต, น้ำสกัดจากเนื้อเข้มข้น, ตับอ่อน, น้ำซุปใส, ปลาไส้ตัน, น้ำปลาและกะปิจากปลาไส้ตัน, ปลาซาร์ดีน, ยีสต์และอาหารหมักจากยีสต์ เช่น เบียร์, หอยเชลล์, ปลาทู, ปลารัง, เนื้อไก่, เป็ด, นก และไข่ปลา
2. อาหารที่มีสารพิวรีนปานกลาง
อาหารที่มีสารพิวรีนปานกลาง ก็ยังถือว่าต้องควบคุมปริมาณการรับประทานซึ่งหมายถึงผู้ป่วยโรคเกาต์ทานได้ในปริมาณจำกัด สำหรับอาหารที่มีสารพิวรีนปานกลางที่ผู้ป่วยโรคเกาต์ควรงดเว้นและหลีกเลี่ยง ได้แก่ เนื้อวัว, กระเพาะ, ผ้าขี้ริ้ว, เอ็น, เนื้อหมู, เนื้อปลา, ปู, กุ้ง, หอย, ถั่วเหลือง, ถั่วดำ, ถั่วแดง, ถั่วเขียว ผัก, หน่อไม้ฝรั่ง, ผักโขม, เห็ด, ดอกกะหล่ำ, ชะอม รวมทั้ง กระถิน
3. อาหารที่มีสารพิวรีนน้อย หรือเกือบไม่มีเลย
อาหารที่มีสารพิวรีนน้อย หรือเกือบจะไม่มีสารพิวรีนเลย เป็นอาหารที่ผู้ป่วยโรคเกาต์สามารถรับประทานได้โดยไม่แสลง สำหรับอาหารที่มีสารพิวรีนน้อย หรือเกือบไม่มีเลยที่ผู้ป่วยโรคเกาต์ควรควบคุมปริมาณการรับประทาน ได้แก่ ขนมจีน, เส้นก๋วยเตี๋ยวทุกชนิด, วุ้นเส้น, บะหมี่, เส้นหมี่, ขนมปังปอนด์, มะกะโรนี, ข้าวโพด, แคร็กเกอร์สีขาว, ไข่, นม
ผลิตผลจากนม เช่น เนยแข็ง ไอศกรีม, น้ำมัน, น้ำมันพืช, กะทิ, เนย, น้ำมันหมู, ผัก, ผลไม้ทุกชนิด, เกาลัด, เม็ดมะม่วงหิมพานต์
ขนมหวานต่างๆ ได้แก่ ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง เค้ก คุกกี้ เครื่องดื่ม เช่น กาแฟ, ชา, โกโก้ และ ช็อกโกแลต
ทั้งนี้ นอกจากการงดรับประทานอาหารที่มีสารพิวรีนดังกล่าวข้างต้นแล้ว ยังมีการปฏิบัติตัวอื่นๆ ที่สำคัญสำหรับผู้ป่วยโรคเกาต์ ดังนี้
1. ทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
2. ดื่มน้ำวันละมากๆ เพื่อช่วยขับถ่ายกรดยูริก
3. งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เช่น เหล้าชนิดต่างๆ เบียร์
4. หากจะต้องทำการผ่าตัด ควรแจ้งให้แพทย์ทราบว่าเป็นโรคเกาต์ เพื่อป้องกันโรคเกาต์กำเริบหลังผ่าตัด
5.หลีกเลี่ยงภาวะเครียดทั้งทางร่างกายและจิตใจ พยายามทำจิตใจให้สงบ
Comment (2)
koko
ข้อความพวกนี้เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่เป็นโรคเกาต์ได้อย่างมาก
แจ้งลบ