1 ชม. 30 นาที
0 ชม. 20 นาที
1 คน
เพิ่งรอดจากสอบ Midterm มาค่ะ หาอะไรหวานๆ กินแก้เครียดกันดีกว่า
1. ปอกเปลือกเผือก และฟักทอง ผ่าเป็นชิ้นๆ นำไปนึ่งในลังถึงสัก 20 นาที ลองเปิดแล้วเอาส้อมจิ้มดูว่าสุกดีหรือยัง ปกติเผือกจะสุกช้ากว่า ถ้าจิ้มเผือกแล้วทะลุได้ง่ายดาย ก็เป็นอันว่าฟักทองก็น่าจะสุกแล้วเช่นกันค่า ในรูปนี้ เป็นฟักทองลูกจี๋วๆ เท่าฝ่ามือ ก็เลยใช้ทั้งลูกค่ะ พอนึ่งสุกแล้วเอาช้อนตักเนื้อออกมาง่ายเลย ก็เลยไม่ได้ปอกเปลือก
2. เอาส้อมตัดเผือกเป็นชิ้นๆ เล็ก แล้วบดให้ละเอียดโดยใช้ส้อม หรือถ้าขี้เกียจอย่างเราก็เอาใส่ mixing bowl เอา hand mixer ปั่นเลยค่า ถ้ามีชิ้นเล็กๆ เหลือก็เอาส้อมไล่บี้อีกที เติมแป้งข้าวเหนียว 1 ถ้วย แล้วใช้ hand mixer ปั่นต่อให้เข้ากัน ค่อยๆ เติมน้ำจนส่วนผสมนุ่มเหนียว เอามานวดด้วยมืออีกที ถ้าเจอเนื้อเผือกชิ้นๆ อีกก็ใช้มือบีบให้ละเอียด นวดให้เนื้อเนียน ไม่ติดมือ
3. เอาช้อนตักเนื้อฟักทองใส่ mixing bowl หรือถ้าใครปอกเปลือกอยู่แล้วก็เอาใส่ชาม เอาส้อมบดเลย แล้วเติมแป้งข้าวเหนียว 2 ถ้วย เพราะเนื้อฟักทองจะมีน้ำในตัวเยอะกว่าเผือก โดยเฉพาะถ้าเจอฟักทองที่เนื้อไม่แน่น นึ่งแล้วเนื้อฉ่ำๆ ไม่ค่อยมีแป้ง เลยต้องใส่แป้งเยอะกว่าน่ะค่ะ ใช้ hand mixer ปั่นเช่นเดียวกัน ถ้ายังเหลวอยู่ให้ใส่แป้งเพิ่ม จนเนื้อแป้งเหนียวนุ่ม ปั้นได้
4. ปั้นแป้งเป็นลูกกลมๆ เล็กๆ ขนาดเส้นผ่าศุนย์กลางไม่เกิน 1 เซ็นติเมตร หรือเล็กใหญ่กว่านี้ ตามชอบ ขั้นตอนนี้แหละค่ะที่ทำให้การทำบัวลอยกินเวลา ถ้าปั้นทีละเม็ด แล้วปั้นอยู่คนเดียว ก็นานเป็นชั่วโมงๆ คนขี้เกียจอย่างเราก็เลยใช้วิธีลัด โดยโรยแป้งมันลงบนเขียงหรือโต๊ะเรียบๆ หยิบแป้งที่นวดไว้ออกมาทีละก้อนย่อมๆ คลึงแป้งเป็นเส้นยาวๆ ทำอย่างนี้จนได้แป้งสามสี่เส้น จับมาเรียงเข้าแถวกันแล้วเอามีดตัดตามขวางให้เป็นชิ้นเล็กๆ ขนาดตามต้องการ มันก็จะออกมาหน้าตาเหลี่ยมๆ หน่อย ถ้าไม่ชอบหน้าตาแบบเหลี่ยมๆ (อย่าคิดมากน้า อิอิ) ก็เอามือคลึง กลิ้งๆ ไปทั่วๆ มันก็จะกลมขึ้นมาได้จ้า
5. ทำน้ำกะทิ โดยเราใช้กะทิกระป๋องเล็กๆ ที่มีอยู่ในตู้กับข้าว สองกระป๋อง เติมน้ำเพิ่มอีกกระป๋องครึ่ง ใส่หม้อ ตั้งบนไฟอ่อนๆ เติมน้ำตาลปี๊บ เติมเกลือนิดหน่อย ชิมให้ได้รสหวานนำ และเค็มนิดๆ จะได้ไม่เลี่ยน ปรุงให้รสเข้มกว่าที่จะทานจริงนิดนึง เพราะเดี๋ยวตอนเอาเม็ดบัวลอยมาใส่อาจจะมีน้ำปนมา มันจะจืดลงอีกนิดนึงค่ะ ขั้นนี้ระวังอย่าให้กะทิเดือดแรงนะคะ มันจะแตกมันไม่น่าทานอ่ะ
6. ทีนี้ก็ต้มเม็ดบัวลอยในน้ำเดือด ตอนแรกเม็ดแป้งจะดำน้ำกันหมด พอขึ้นมาลอยคอแบบนี้ก็แปลว่าสุกแล้วค่า ให้ช้อนขึ้นใส่น้ำเย็นไว้
7. พอจะเสิร์ฟก็ช้อนเม็ดแป้งขึ้นใส่ถ้วย ตักน้ำกะทิร้อนๆ ราดลงไป อย่างนี้จ้า
รักการทำอาหารไทยและขนมหวานโบราณ โดยยึดต้นตำรับชาววัง และเป็นผู้เขียนหนังสือ "เลาะรั้วครัววัง"
อาจารย์ มาโนชญ์ พูลผล
ที่ปรึกษาการถ่ายภาพ ช่างภาพ วิทยากร บรรยายเรื่องการถ่ายภาพ ของ NIKON THailand
อาจารย์ สยาม เอี่ยมพิชัยฤทธิ์ (ที่ปรึกษาการถ่ายภาพ )
ไม่น่าเชื่อว่าระยะเวลา 365 วันผมทำอาหาร แทบจะไม่ซ้ำกันเลย ด้วยวัตถุดิบของผมก็ได้ จากตลาดใกล้บ้าน
ทนายอ้วน (Chubby Lawyer)
Chef Instructor of Western Culinary Arts of Dusit Thani College
เชฟเบิ้น Wachiravit Homboonyong
Foodie
ผู้หลงรักการทำและชิมอาหาร
Partner
พันธมิตร และแบรนด์วัตถุดิบอาหาร
Professional service
หน่วยงานและองค์กร
Comment (8 )
จอมมารคากิ
น่าทานมากเลยคร้าบ บัวลอยสูตรนี้ ใส่เนื้อมะพร้าวอ่อนลงไปด้วย อร่อยเหาะไปเลย
แจ้งลบแดดอุ่น
อยากได้มะพร้าวอ่อนเหมือนกันค่า อยากได้ใบเตยด้วย ใส่ลงไปต้มกับน้ำกะทิจะได้หอมๆ แต่ว่าหาไม่ได้อ่ะพี่จอมมาร ไว้จะกลับไปทำที่บ้านตอนปิดเทอม แก้ตัว : )
แจ้งลบข้าวเม่า
น่าทานมากเลย คงนุ่มน่าดูตัวบัวลอยเนี๊ยะ สีสรรสวยเลย
แจ้งลบBirdy
เคยซื้อทานบางร้าน น้ำกะทิใสมาก ไม่อร่อยเลย แถมแพงอีกต่างหาก ทำทานเองตามสูตรแดดอุ่น คงอร่อยแน่เลย น้ำไม่น่าใสเนอะ
แจ้งลบแดดอุ่น
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมค่า คุณข้าวเม่า และคุณ Birdy
แจ้งลบถ้าชอบแบบน้ำข้นๆ ก็เพิ่มกะทิได้ตามชอบเลยค่า
จันทร์
น่าทานมาก ถ้าใช้แครอทต้มบดละเอียดแล้วผสมกัน สีคงสวยเน๊าะ น่าทานไปอีกแบบค่ะ
แจ้งลบนิด
น่าทานมากเลยค้า
แจ้งลบนิดหน่อย
น่าอร่อยจะลองเอาไปทำดูขอบคุณค้า
แจ้งลบอยากเป็นส่วนหนึ่งของหัวใจเทอร์ facbook ค้า