เคยได้ยินเรื่องอาหารแบบ “เซ็ต” หรือ“คอร์ส” กันบ้างไหมคะ หลายๆ คนอาจจะรู้จักมักคุ้นกันดี ถ้าไปตามโรงแรมใหญ่ๆ สมัยนี้ก็จะเจอ อาหารแบบนี้บ่อยๆ หลักๆ เลยก็จะมี 3-5 คอร์ส อาหารแบบกินเป็นชุดนี้มีต้นกำเนิดมาจากประเทศฝรั่งเศสที่เป็นเจ้าแห่งความละเมียดละไม

สวัสดีค่ะทุกคน ก่อนอื่นต้องกราบขอโทษงามๆ ที่หายหน้าหายตาไปเลย หมูน้อยป่วยหนักเลยไม่มีแรงขีดเขียนโน่น นี่ นั่น ให้ทุกคนอ่านกันแต่ตอนนี้กลับมาแล้ว เลยขอเขียนยาวๆ หน่อยพร้อมกับความอิ่มแบบไม่ค่อยจะง่าย แต่หรูหรา สไตล์ฝรั่งเศสค่ะ

เคยได้ยินเรื่องอาหารแบบ “เซ็ต” หรือ“คอร์ส” กันบ้างไหมคะ หลายๆ คนอาจจะรู้จักมักคุ้นกันดี ถ้าไปตามโรงแรมใหญ่ๆ สมัยนี้ก็จะเจอ อาหารแบบนี้บ่อยๆ หลักๆ เลยก็จะมี 3-5 คอร์ส อาหารแบบกินเป็นชุดนี้มีต้นกำเนิดมาจากประเทศฝรั่งเศสที่เป็นเจ้าแห่งความละเมียดละไม อาหารแต่ละจานต้องผ่านการปรุงอย่างพิถีพิถันมาอย่างดี ที่สำคัญที่สุด ขาดไม่ได้เลยคือ ต้องตกแต่งให้สวยงาม ต้องมีอาหารขนาดเล็กๆ และของตกแต่งสิ่งละอันพันละน้อย อยู่ในจานขนาดใหญ่ (มาก) และถึงแม้ว่าในสมัยนี้อาหารแบบชุดจะมีการเสิร์ฟเพียงสามถึงห้าคอร์ส แต่ในสมัยก่อนนั้น เชื่อไหมคะว่ามื้อหนึ่งเสิร์ฟกันถึง 13 คอร์ส !!!

เริ่มคอร์สแรกเลย อาหารเรียกน้ำย่อยจานที่ 1 หรือ Cold Appetizer ซึ่งจะเป็นเพียงอาหารขนาดเล็กๆ กินแค่หนึ่งหรือสองคำ เท่านั้นเอง เพื่อเรียกความอยากอาหารให้มาประทับอยู่ในท้อง รสชาติของอาหารจานนี้ส่วนใหญ่จะมีรสเปรี้ยวไว้ก่อน หรือถ้าไม่เปรี้ยวก็จะมีรสค่อนข้างจัด ลองนึกถึงเวลากินมะม่วงเปรี้ยวแล้วน้ำลายสอนั่นแหละค่ะ อาหารจานนี้ส่วนใหญ่จะเป็นผักและดื่มคู่กับเหล้าจำพวก พอร์ท หรือจะเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เฉยๆ ก็ได้ และต้องเสิร์ฟเย็น คือเอาไปแช่น้ำแข็งให้อาหารมีความเย็นก่อนแล้วค่อยเสิร์ฟ

จานที่สองเป็น Hot Appetizer อันนี้ส่วนใหญ่จะเป็นเนื้อสัตว์หรือเห็ด แต่แน่นอนว่าเน้นรสจัด และรสเปรี้ยวค่ะ บางครั้งจะมีพาสทรีมาเกี่ยวข้องด้วย อาจจะเป็นขนมปังหั่นชิ้นเล็กๆ มากินคู่กับเห็ดปรุงรส หรือเนื้อสัตว์ปรุงรส ก็ได้ แต่จานนี้ต้องเป็นของร้อนค่ะ

ต่อไปเป็นซุป Soup จะเป็นซุปเสิร์ฟร้อน เสิร์ฟเย็น ซุปข้น หรือ ซุปใส ขึ้นอยู่กับศรัทธาของเชฟว่าจะสร้างสรรค์ออกมาอย่างไร จะเสิร์ฟปริมาณน้อยเช่นกัน แต่ก็มากกว่าอาหารเรียกน้ำย่อย อาจจะ กินได้ 4-5 คำเป็นอย่างมาก

เริ่มเข้ามาที่อาหารหนักๆ กันบ้าง กับจาน Fish จะเป็นอาหารจานปลา จะเอาไปนึ่ง ทอด ย่าง หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ต้องแล่มาแล้ว ห้ามเสิร์ฟเป็นตัว เห็นหัว เห็นหาง ฝรั่งเศสไม่ทำ ต้องเป็นชิ้น เป็นแผ่น ค่อยรับได้ แน่นอน คอนเซ็ปต์เดิม เสิร์ฟปริมาณน้อย ถึงแม้จะมากกว่าจานที่ผ่านๆ มาแต่ถ้าให้กินจานนี้จานเดียวก็ไม่อิ่มอยู่ดีล่ะค่ะ

มาถึงจาน Intermediate course กันบ้าง จานนี้เป็นจานก่อน Main course ของจริง เป็นเนื้อสัตว์ที่มาคู่กับผัก หรือจะเป็นแค่สลัดมาก็ได้ค่ะ

และแล้วก็ถึงคิวพระเอก Main Course จานนี้จำเป็นมากๆ ที่รสชาติและการตกแต่งต้องอลังการสุดๆ ไม่ยอมน้อยหน้าจานไหนเด็ดขาด และต้องเสิร์ฟเป็นเนื้อสัตว์บกเท่านั้น กุ้ง หอย ปู ปลาต้องถอย และเวลาเสิร์ฟ จะแล่เนื้อให้เห็นกันจะจะที่โต๊ะเลย เพื่อเพิ่มความตื่นเต้นให้ผู้กิน (เค้าทำเพราะเหตุผลนี้จริงๆ นะ) และกินคู่กับซอสหรือเกรวี่รสเด็ด แต่.... เหมือนเดิม เสิร์ฟได้แค่กินพอ 5-10 คำ อย่าได้มากกว่านั้นโดยเด็ดขาด ไม่งั้นไม่ใช่ฝรั่งเศส

ต่อมาเป็นของหวานคั่นเวลา ซึ่งก็คือ Sorbet ต้องจำเพาะเลยค่ะว่าเสิร์ฟเป็นไอศกรีมซอร์เบท์อย่างเดียว เพราะรสเปรี้ยวของซอร์เบท์จะช่วยให้ไม่รู้สึกเลี่ยนจนเกินไป

อาหารหลักจานที่สอง Roast with salad จานนี้ส่วนใหญ่เป็นเนื้อสัตว์ปีกนะคะ และก็ตามชื่อเลย คือ ต้องใช้วิธีการปิ้ง... แหม ฟังดูไม่ดี เอาใหม่ ใช้วิธีการ Roast และกินคู่กับสลัด ที่เคยเห็นบ่อยๆ จะเป็นนกกระทาตัวเล็กๆ ยัดไส้ และมีสลัดวางข้างจานด้วย ถ้าเมน คอร์สจานแรกเป็นพระเอก จานนี้ก็เป็นเหมือนนางเอกเลยค่ะ

Cold Roast ยัง ! ใครคิดว่าเมน คอร์สจะหมดแล้ว ยังค่ะ มาอีกจาน กับอาหารปิ้งๆ ย่างๆ แต่จานนี้จะเสิร์ฟแบบเย็น เพื่อให้ผู้กินเริ่มปรับท้อง ปรับตัวว่าอาหารเบาๆ กำลังจะมาแล้วนะจ๊ะ และปริมาณก็จะเริ่มลดน้อยลงกว่าสองจานที่ผ่านมา

Vegetable หรือ สลัดนั่นแหละค่ะ จานนี้เสิร์ฟเพื่อเป็นการล้างรสคาวจากเนื้อสัตว์ในปาก ก่อนจะถึงส่วนของอาหารหวาน

Sweet เห็นชื่อแล้วอย่าเพิ่งคิดว่าเป็นของหวานที่แท้จริงนะคะ จริงๆ นี่เป็นเพียงอาหารเรียกน้ำย่อยในแบบของหวานเท่านั้นเอง ประมาณว่าเป็นของว่าง ให้มาลองกันก่อน จะเป็นเค้กชิ้นเล็กๆ ราดครีม และเสิร์ฟมาคู่กับผลไม้รสอมเปรี้ยวอมหวาน เช่น สตรอบเบอร์รี่ หรือพีช หั่นชิ้นเล็กๆ

Savory มาถึงคราวของชีสกันบ้าง จะมีการเสิร์ฟชีสหลากหลายชนิด กินคู่กับไวน์หรือผลไม้ ในบางที่อาจจะให้ผู้กินเลือกชนิดของชีสเอง หรือก็เสิร์ฟมาให้เลย แต่เวลาเสิร์ฟจะเสิร์ฟเป็นก้อนหั่นสี่เหลี่ยมเล็กๆ พร้อมกับผลไม้ โดยส่วนตัวแล้วหมูน้อยจะชอบ ชีสกับกล้วยหอมเป็นพิเศษเลยค่ะ ลองหาโอกาสชิมกันดูได้

จานสุดท้าย (พร้อมเสียงถอนใจของคนอ่านและคนเขียน) Dessert จานหลักอาจจะเป็นพระเอกและนางเอก แต่ของหวานเขาเป็น “ดารานำ” ค่ะ เคยมีเชฟท่านหนึ่งบอกหมูน้อยไว้ว่ามันไม่สำคัญว่าจะเริ่มมื้ออาหารอย่างไร แต่สำคัญที่การจบอย่างสวยงาม หรือ Big Finish ต้องให้อลังการที่สุด จะเป็นจานที่มีวิธีการทำยุ่งยาก ซับซ้อน และตกแต่งสวยงามที่สุด วัตถุดิบที่ใช้ก็ต้องเริ่ดมากๆ แล้วถึงจะเป็นการจบมื้ออาหารแบบฝรั่งเศสได้จริงๆ

เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ คนไหนมีโอกาสได้ไปกินอาหารแบบนี้ก็มาบอกเล่ากันบ้างนะคะ แต่หมูน้อยขอเตือนก่อน เพราะเคยไปกิน มื้อแรกเสิร์ฟตอนหนึ่งทุ่ม จานสุดท้ายเสิร์ฟตอนห้าทุ่มครึ่ง T_T ทั้งอิ่มทั้งง่วง เข้าคอนเซ็ปต์กินแล้วนอนจนมีพุงน้อยๆ โผล่มาอวดโฉมกันตอนเช้า จนกลายเป็นหมูน้อยในทุกวันนี้เลยค่ะ